๑๒ ก.ย. ๔๖
กลางปี ๒๕๔๕ ผมได้มีโอกาสพาคุณนายบังเอิญไปเดินเล่นที่สวนลุมพินีอีกครั้ง
หลังจากห่างหายไปจากสวนแห่งนี้กว่า ๑๕ ปี…
มีบางอย่างเกิดขึ้นในความคิดของผม ณ สวนแห่งนี้…
การได้เห็นความมีชีวิตชีวาของคุณนายบังเอิญ ซึ่งไม่ค่อยได้มีโอกาสมาสัมผัสธรรมชาติซักเท่าไหร่
สัญชาตญาณที่แท้จริง รอยยิ้มเปื้อนน้ำลาย ทำให้ผมตั้งมั่นขึ้นมาว่า ซักวันหนึ่งผมจะพาคุณนาย
ไปอยู่ในบ้านที่มีสวนเล็กๆ ร่มรื่น เป็นธรรมชาติมากกว่าตึกแถวที่เราใช้ชีวิตด้วยกันมาตลอด
รอไปก่อนนะ คุณนาย…
หลังจากห่างหายไปจากสวนแห่งนี้กว่า ๑๕ ปี…
มีบางอย่างเกิดขึ้นในความคิดของผม ณ สวนแห่งนี้…
การได้เห็นความมีชีวิตชีวาของคุณนายบังเอิญ ซึ่งไม่ค่อยได้มีโอกาสมาสัมผัสธรรมชาติซักเท่าไหร่
สัญชาตญาณที่แท้จริง รอยยิ้มเปื้อนน้ำลาย ทำให้ผมตั้งมั่นขึ้นมาว่า ซักวันหนึ่งผมจะพาคุณนาย
ไปอยู่ในบ้านที่มีสวนเล็กๆ ร่มรื่น เป็นธรรมชาติมากกว่าตึกแถวที่เราใช้ชีวิตด้วยกันมาตลอด
รอไปก่อนนะ คุณนาย…
ระหว่างที่ปล่อยให้คุณนายเดินเล่นดมดินดมหญ้าไปตามเรื่อง ความรู้สึกนึงที่เกิดกับผมก็คือ
ความรู้สึกถึงความเป็นส่วนหนึ่งของทั้งหมด ความเป็นสวนเล็กๆในองค์ประกอบ…
ความรู้สึกดังกล่าวนำผมไปสู่ความผ่อนคลาย ออกจากความสำคัญในตัวตน วางตัวเองลง
เป็นความผ่อนคลายที่พิเศษ มันมากกว่าการนอน ดูหนังหรือฟังเพลง ได้พลังบางอย่างกลับมาสู่ชีวิต
ไม่ใช่การปลง แต่น่าจะเป็นการทำความเข้าใจในการดำรงอยู่มากขึ้น
เซ็นทรัล ปาร์ค ในนิวยอร์คคงไม่ต่างจากสวนลุมของเราหรอก…
เพราะเราเป็นแค่คนตัวเล็กๆ เท่านั้น (ไม่ว่าจะเทียบกับสวนลุมหรือสวนเล็กๆ หน้าบ้าน)
ปล. ขณะนี้ผมและคุณนายบังเอิญ พร้อมกับคุณประพาสและคุณกุลสตรี
ได้ย้ายไปอยู่บ้านเล็กๆ ที่มีสวนหน้าบ้านแล้ว….