สันติ ลอรัชวี
เรียบเรียงบางส่วนจาก Vignelli Canon – Vignelli Associates
ผมคิดว่านี่น่าจะเป็นแนวทางในการเชื่อมโยงที่ดีของการออกแบบกับแนวคิดบางส่วนของสัญศาสตร์
Massimo Vignelli ได้กล่าวถึง Semantic, Syntactic และ Pragmatic ไว้อย่างเข้าใจได้ไม่ยากในหนังสือ Vignelli Canon


———–>
ในกระบวนการออกแบบ ผมมักจะอ้างอิงถึงองค์ประกอบ 3 สิ่งที่มีความสำคัญต่อผมเสมอมา คือ Semantic, Syntactic และ Pragmatic
Semantic —
คือการสำรวจความหมายของสิ่งที่เราออกแบบ มันเป็นสิ่งแรกๆ ที่ผมทำเมื่อกำลังจะเริ่มงานใหม่ที่จะทำ ไม่ว่าจะเป็นงานกราฟิก นิทรรศการ ผลิตภัณฑ์ หรืองานออกแบบภายใน ผมจะเริ่มจากการสำรวจความหมายของมัน ซึ่งมันอาจจะเริ่มจากการค้นคว้าประวัติความเป็นมาของหัวเรื่อง เพื่อจะเข้าใจถึงธรรมชาติของโครงการที่เรากำลังจะออกแบบได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการหาแนวทางในการพัฒนางานที่เหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับหัวเรื่องและประเด็น เพราะการสำรวจย่อมสามารถทำได้หลากหลายแนวทาง เราอาจสำรวจข้อมูลเพิ่มเติมของบริษัทหรือสินค้า / ตำแห่งทางการตลาด / คู่แข่งขัน / เป้าหมาย / ผู้ใช้งานปลายทาง (Final User) หรือแม้กระทั่งความหมายดั้งเดิม ที่มา หรือรากศัพท์ของสิ่งที่เรากำลังจะทำ
Semantic คือ การจัดเตรียมพื้นฐานที่แท้จริง (the real bases) เพื่อการก่อร่างสร้างโครงการออกแบบได้ถูกต้อง โดยไม่ได้คิดถึงแต่สิ่งที่มัน“อาจจะเป็น”เท่านั้น
และในที่สุด Semantic จะกลายมาเป็นส่วนสำคัญของการเป็นนักออกแบบ (essential part of the designers being) เป็นองค์ประกอบที่าำคัญมากของ“กระบวนการที่เป็นธรรมชาติ”ของการออกแบบ (a crutial component of the nature process of design)
Semantic จะบ่งชี้ถึงรูปแบบที่เหมาะสมของงานหรือหัวข้อ/ประเด็นที่กำลังทำ ทำให้เราสามารถอ่าน ตีความ และปรับเปลี่ยนได้ตามความตั้งใจของเรา
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญในการกลั่นกรองสาระสำคัญของการสำรวจ Semantic ในกระบวนการที่ซับซ้อน ส่วนมากจะเป็นไปโดยธรรมชาติหรือตามสัญชาตญาณ และปล่อยให้มันมีผลต่อการออกแบบด้วยการรับรู้ต่อความต้องการที่ไม่ต้องพยายามหรือให้เป็นธรรมชาติที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
มันคล้ายดนตรี… เมื่อเราได้ยินเสียงดนตรี (ทั้งหมด)
เรามักจะรับรู้โดยปราศจากการรับรู้ถึงกระบวนการของมัน
การออกแบบที่ปราศจาก Semantic จะมีความตื้นเขินและไม่มีความหมาย
แต่…น่าผิดหวัง ที่มันยังมีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง และนี่คือเหตุผลที่ว่า… ทำไมมันถึงสำคัญมากต่อ นักออกแบบรุ่นใหม่ๆ ในการฝึกฝนตัวเอง ให้เริ่มต้นในกระบวนการออกแบบที่ถูกทาง “เพราะมันคือหนทางเดียว ที่จะทำให้งานออกแบบของเราดีขึ้นได้”
Semantic ในการออกแบบจึงหมายถึงการเข้าใจต่อหัวเรื่องหรือประเด็น ในแง่มุมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้สิ่งที่เรากำลังออกแบบสัมพันธ์ไปกับผู้ส่งสารและผู้รับสารอย่างสมเหตุสมผลต่อทั้ง 2 ฝ่าย
มันหมายถึงการออกแบบบางสิ่งให้มีความหมาย ไม่ใช่แค่เพียงตามอำเภอใจ (Arbitrary) แต่ให้มีเหตุผลของการมีอยู่ของมัน (reason for being) “บางสิ่ง” ซึ่งทุกๆ รายละเอียดบรรจุความหมาย หรือมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน และนำไปสู่เป้าหมายได้อย่างแม่นยำ
บ่อยครั้งแค่ไหน…ที่เราเห็นงานออกแบบที่ไม่มีความหมาย มันเป็นแค่การใส่ลวดลายและการสาดสีลงบนหน้ากระดาษโดยไม่มีเหตุผลใดๆ ซึ่งไม่ว่าจะเรียกมันว่า “การไร้ความหมาย” หรือ “ความหยาบคาย” หรือ “อาชญากรรม” ก็ตามที ก็ยังมีนักออกแบบและนักการตลาดที่ตั้งใจดูแคลนผู้บริโภคด้วยความคิดโง่ๆ ที่ว่า งานที่ดูหยาบคาย (โฉ่งฉ่าง) นั้น สามารถดึงดูดผู้คนจำนวนมากได้ (masses) และพวกเขาก็ยังคงทำการตลาดด้วยการใช้งานออกแบบที่ลวกและหยาบต่อไป…
ผมตัดสินว่ามันเป็นอาชญากรรม ด้วยเหตุที่มันกำลังผลิตมลภาวะทางสายตา (visual pollution) ที่บ่อนทำลายสถาพแวดล้อมเช่นเดียวกับมลภาวะด้านอื่นๆ (ถ้าจะพาดพิงถึงงาน venecullar) ไม่ใช่ทั้งหมดของงานแบบ venecullar ที่หยาบคาย ถึงแม้มักจะเห็นบ่อยครั้งก็ตามที ความหยาบนี้ (vulgarity) ส่อถึงความตั้งใจอย่างโจ่งแจ้งของการนำเสนอรูปแบบที่หมางเมินและหลบเลี่ยงต่อวัฒนธรรมอันเป็นที่ยอมรับอย่างเจตนา ในโลกร่วมสมัย ซึ่งดูเหมือนจะยากขึ้นเรื่อยๆ ที่จะพบรูปแบบที่ซื่อสัตย์และจริงใจของการสื่อสาร โดยเฉพาะในแบบ Vernacullar ดังที่เคยเกิดขึ้นในยุคก่อนอุตสาหกรรม
Syntactic —
“Miles (Ludwig Mies van der Rohe) อาจารย์ของผมเคยกล่าวไว้ว่า…“God is in the details.” มันคือสาระสำคัญของ syntax มันเป็นหลักการที่คอยควบคุมการใช้ไวยกรณ์ ให้โครงสร้างของวลีและการออกเสียงที่ถูกต้องและเหมาะสมของภาษาต่างๆ รวมถึงการออกแบบด้วย
ยกตัวอย่างในการออกแบบกราฟิก โครงสร้างสำคัญอย่าง grid / typefaces / text / headline / illustration ฯลฯ ทำให้เกิดความสอดคล้องกลมกลืนของการออกแบบ ที่ถูกจัดเตรียมโดยความสัมพันธ์ที่เหมาะสมขององค์ประกอบทางวากยสัมพันธ์ (syntactical elements)
– type สัมพันธ์กับ grid และ ภาพ อย่างไร
– จากหน้าสู่หน้า ไปจนถึงภาพรวมทั้งหมดของงาน สัมพันธ์กันอย่างไร
– ขนาดตัวอักษร (แต่ละตัว คำ ประโยค ย่อหน้า) สัมพันธ์ต่อกันและกันอย่างไร
– ภาพแต่ละภาพสัมพันธ์กันอย่างไร
– แต่ละส่วนย่อยสัมพันธ์กับองค์รวมของงานอย่างไร
มันเป็นหนทางที่จะบรรลุความสำเร็จในคำถามเหล่านี้ ให้ถูกต้องเช่นเดียวกับหนทางที่จะทำให้มันผิดพลาด ซึ่งก็ควรจะหลีกเลี่ยง ความสอดประสานของ Syntactic คือ สิ่งสำคัญสูงสุดในงานออกแบบกราฟิก ในฐานะที่มันเป็นหนึ่งในความพยายามอุตสาะของมนุษยชาติ และ “Grid” ก็คือหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้นักออกแบบสามารถบรรลุถึง Syntactic ที่เหมาะสมในงานกราฟิกได้
Pragmatic —
อะไรก็ตามที่เราทำ… ถ้าไม่เข้าใจ เราก็อาจล้มเหลวในการสื่อสาร
และอาจเป็นความพยายามที่เปล่าประโยชน์…
แม้ว่าเราออกแบบสิ่งที่เราคิดว่าถูกต้องในด้าน Semantic และมีความเหมาะสมทาง Syntactic แล้วก็ตาม (semantically correct & syntactically consistent) แต่ในมุมของผลที่ได้รับ ถ้าไม่มีใครเข้าใจผลของมัน หรือไม่มีใครเข้าใจความพยายามเหล่านั้นของเรา งานของเราก็เหมือนจะไม่มีประโยชน์ บางครั้งมันอาจต้องการคำอธิบายเพิ่มเติม แต่มันจะดีกว่าถ้าไม่จำเป็นต้องมี (คำอธิบาย)…
สิ่งประดิษฐ์ทั้งหลายควรยืนหยัดอยู่ได้ด้วยความชัดเจนในตัวมันเอง หาไม่แล้ว… บางอย่างที่เป็นสาระสำคัญอาจหายไป
ในการมองดูสิ่งต่างๆ แล้ว ล้วนเป็นผล (by-product) ที่ได้จากความชัดเจน (clarity) จากกระบวนการออกแบบ (หรือแม้จะเป็นผลจากการขาดความชัดเจนก็ตาม)
มันสำคัญมากที่จะเข้าใจจุดเริ่มต้นและสมมติฐานต่างๆ ของงานที่ทำ เพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อผลที่จะเกิดขึ้น รวมถึงความสามารถในการวัดประสิทธิผลของมันได้ด้วย
ความตั้งใจที่ชัดเจนจะถูกแปลงไปสู่ผลลัพท์ที่ชัดเจน และนั่นเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดในการออกแบบ
งานออกแบบที่มีความสับสน ยุ่งยาก เปิดเผยให้เห็นถึงความสับสนและยุ่งเหยิงของจิตใจ (ของผู้ทำ) เช่นกัน “เราชื่นชมความซับซ้อน (complexities) แต่รังเกียจความยุ่งยาก (complications)
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ผมต้องกล่าวอีกว่า “เราชื่นชมงานออกแบบที่น่าเชื่อถือและมีพลัง (forceful) แต่เราไม่ชอบงานออกแบบที่ฉาบฉวย (limpy)”
เราชื่นชมการออกแบบที่เรียบง่ายและชาญฉลาด (intellectually elegant)
ซึ่งเป็นความเรียบง่ายที่งดงาม
ที่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่หนึ่งในรูปแบบ วิธีการ หรือธรรมเนียมปฏิบัติเท่านั้น
ความเรียบง่ายงดงาม (elegant) ที่ตรงข้ามกับความหยาบทั้งมวล (vulgarity)
เราชื่นชมการออกแบบที่ก้าวผ่านประเด็นทางสมัยนิยม (fashionable modes & temporary fads)
เราชื่นชมการออกแบบที่ไม่มีเวลาเท่าที่จะเป็นไปได้
เราดูแคลนต่อวัฒนธรรมที่ล้าสมัย
เรารู้สึกได้ถึงหลักปฏิบัติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการออกแบบสิ่งต่างๆ ที่จะอยู่ไปนานแสนนาน
มันขึ้นอยู่กับชุดคุณค่าของสิ่งที่เราออกแบบในทุกๆ วัน
ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสองหรือสามมิติก็ตาม
ใหญ่ หรือ เล็ก
แพง หรือ ถูก
การออกแบบเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น!
Design is one!